วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

น้ำหมักเพื่อสุขภาพ


สวัสดีค่ะ  ท่านผู้อ่านทุกท่าน....ขึ้นปีใหม่แล้วเรามาเริ่มต้นพัฒนาชีวิตให้กับตนเองกันดีไหมคะ  หันมาดำเนินชีวิตตามพระราชดำรัสชี้แนะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ  แนวทาง "เศรษฐกิจพอเพียง"  เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่พออยู่พอกิน  สามารถพึ่งตนเองได้  ไม่เดือดร้อนและไม่เคร่งเครียดไปกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ  ของสังคม  การพัฒนาชีวิตให้มีความมั่นคงและมีคุณภาพนั้น "น้ำหมักชีวภาพ"  ก็เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการดำเนินชีวิตพึ่งพาตนเองได้อย่างพอเพียงในโลกปัจจุบันนี้  น้ำหมักชีวภาพนี้เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาของชาวบ้านไทย ๆ  ที่ทำสืบทอดกันมาเป็นเวลานานชั่วลูกหลาน  ใช้ประโยชน์สารพัด  เช่น  ใช้บริโภคเพื่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน  ใช้ในครัวเรือน  นำมาเป็นส่วนผสมเพื่อทำความสะอาดครัวเรือน  แช่ผักล้างสารพิษตกค้าง  เป็นส่วนผสมเพื่อทำความสะอาดสุขภัณฑ์ นอกจากนั้นยังสามารถนำมาเป็นส่วนผสมในการกำจัดศัตรูพืชได้  เป็นปุ๋ยสำหรับพืชแทนการใช้ปุ๋ยเคมี ใช้เป็นส่วนผสมอาหารสัตว์เพื่อส่งเสริมสุขภาพสัตว์ให้แข็งแรงมีภูมิคุ้มกันดีขึ้น  สรุปแล้วน้ำหมักมีประโยชน์มากมายเกินคาด  อยากรู้ก็ต้องทดลองด้วยตนเอง  เพื่อที่จะได้น้ำหมักชีวภาพที่มีคุณภาพไว้บริโภคกันเอง  ก็ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำหมักให้เข้าใจเสียก่อน แล้วจึงค่อยทดลอง  จะได้ปฏิบัติถูกต้อง

ดิฉันได้คัดลอกข้อมูลย่อ ๆ  เกี่ยวกับ  "น้ำหมักชีวภาพ"    จากหนังสือสุขภาพดีและความงามเริ่มจากข้างใน  เขียนโดย  ม.ศ.  ดร.ไชยวัฒน์  ไชยสุต  มาฝากท่านผู้สนใจด้วยค่ะ

น้ำหมักชีวภาพคืออะไร ?

น้ำหมักชีวภาพ  คือ  ของเหลวที่เกิดจากการหมักพืช  ผัก  ผลไม้รวมทั้งสมุนไพรกับสารให้ความหวาน เช่น  น้ำตาล  น้ำผึ้ง  ในสภาวะที่มีแบคทีเรียกรดแลกติด (lactic  acid  bacteria)

น้ำหมักชีวภาพอาจมีชื่อเรียกกันหลากหลายแตกต่างกัน  เช่น  น้ำหมักพืช  น้ำสกัดชีวภาพ  น้ำหมักสมุนไพร  น้ำเอนไซม์  น้ำจุลินทรีย์  น้ำหมักโปรไบโอติก  น้ำไอออนิกพลาสมา  เซลล์ฟูดซ์

ความแตกต่างระหว่างน้ำหมักชีวภาพกับไวน์

น้ำหมักชีวภาพเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ทำให้เกิดแอลกอฮอล์  หรือเกิดในปริมาณน้อยมาก  แต่เกิดกรดแลกติก
เป็นหลักเนื่อจากหมักด้วยจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดกรดแลกติก  ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่อาบพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ  (เช่น  พบบนผิดพืช  น้ำหรือวัตถุดิบที่เป็นส่วนผสม)  และหรือที่เติมลงไปเป็นหัวเชื้อในการหมัก  เช่น  แลกโตบาซิลลัส  คาเซอิ  (Lactobacillus  case)  แลกโตบาซิลลัส  อะซิโตฟิลลัส (Lactobacillus  acidophilus)  หรือจุลินทรีย์อื่นที่สามารถใช้ในการผลิตน้ำหมัพืช  ทั้งนี้อาจมีจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมักที่ยังมีชีวิตคงเหลืออยู่ได้

ไวน์เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมักผลไม้โดยกระบวนการหมัก  จะใช้เชื้อยีสต์บริสุทธิ์  เช่น
ยิสต์แซคคาโรมัยซีส (Saccharomyces  cerevisiae)  เพื่อเปลี่ยนน้ำตาลเป็นอาหาร  และให้ผลผลิตเป็นเอทิลแอลกอฮอล์กับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์

เปรียบเทียบลักษณะและประโยชน์ของน้ำหมักชีวภาพและไวน์

น้ำหมักชีวภาพ
อาจยังมีความขุ่นหรือตะกอนซึ่งเกิดจากส่วนประกอบที่มาจากพืชสมุนไพรปั่นละเอียดและเซลล์ของจุลินทรีย์ที่มีในกระบวนการหมัก  ทั้งจุลินทรีย์ที่มีในธรรมชาติและที่เติมลงไปเป็นหัวเชื้ออยู่ในสภาพที่มีชีวิต (ผลตภัณฑ์โปรไบโอติก)  หรือที่เป็นเซลล์ตายจากกระบวนการกำจัดจุลินทรีย์โดยการให้ความร้อนหรือใช้สารเคมี

ซึ่งการบริโภคกากตะกอนของพืชและจุลินทรีย์นี้  อาจส่งเสริมสุขภาพในเรื่องของโปรไบโอติกและยังอาจกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้


ไวน์
จะต้องผ่านกระบวนการกำจัดจุลินทรีย์และยีสต์ซึ่งเป็นหัวเชื้อในการหมักและนำไปผ่านกระบวนกรอง  การทำให้ใสและการบ่ม  ก่อนการบริโภค


น้ำหมักชีวภาพกับความปลอดภัยทางกายภาพ

ควรพึงระวังและติดตามผลเมื่อทำการหมัก  ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง  สี  กลิ่น  รส  ความขุ่น  ฟองแก๊ส  เพราะสิ่งต่าง ๆ  เหล่านี้เป็นตัวชี้บ่งเบื้องต้นว่า  กระบวนการหมักได้เกิดขึ้นหรือยัง  มีอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการหมักหรือไม่  โดยควรที่จะสังเกตลักษณะทางกายภาพ  ดังนี้


สี    สีของน้ำหมักจะเป็นสีน้ำตาลและค่อย ๆ  เข้มมากขึ้นเมื่อระยะเวลาในการหมักเพิ่มขึ้น


ความขุ่น  ช่วงแรกของการหมักพบว่ามีฟองแก๊สเกิดขึ้นเนื่องจากกระบวนการหมักเริ่มเกิดขึ้น  เนื้อของพืชที่ใช้ในการหมักเริ่มกระจายตัวเป็นชิ้นเล็ก  ทำให้มีความขุ่นเพิ่มขึ้น  หลังจากที่อัตราการหมักลดลง  คือ  เมื่อเกิดฟองแก๊สน้อยลงหรือไม่มีแก๊สเกิดขึ้นแล้ว  พืชที่ใช้ในการหมักจะตกตะกอน  ทำให้น้ำหมักมีความใสขึ่้น


กลิ่น   หลังจากเริ่มกระบวนการหมักจะเริ่มมีกลิ่นหอมของน้ำตาลและพืชที่ถูกหมักและมีกลิ่นเปรี้ยวเกิดขึ้นในเวลาต่อมา


รส    ในวันแรกของกระบวนการหมักน้ำหมักจะมีรสฝาดหรือรสของพืชที่ใช้ผลิตและรสหวานของน้ำตาล  หลังจากนั้นจะมีรสเปรี้ยวเพิ่มมากขึ้น  เมื่อระยะเวลาในการหมักเพิ่มขึ้น  รสหวานจะลดน้อยลงจนแทบหมดไป


ฟองแก๊ส    ช่วงแรกของการหมักพบว่ามีฟองแก๊สเกิดขึ้น  เนื่องจากการะบวนการหมักที่เกิดขึ้นอาจจะเพิ่มมากขึ้นจนถึงวันที่  ๑๕  ของการหมัก  (ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตาลที่ใช้ในกระบวนการหมัก)  หลังจากนั้นจะค่อย ๆ  ลดลงจนหมดไปในที่สุด  (อาจจะใช้เวลามากกว่า  ๓๐  วันของกระบวนการหมัก)


เมื่อได้ศึกษาข้อมูลอย่างย่อ ๆ  แล้ว  รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างค่ะ ?  น่าลองทำน้ำหมักไหมค่ะ ?  เมื่อก่อนดิฉันเองก็ไม่เคยคิดที่จะลองทำน้ำหมักหรอกนะ  มีเพื่อคนหนึ่งเขาแนะนำให้ลองทำ  เมื่อมีโอกาสได้สนทนาทางโทรศัพท์ทีไร  เธอมักจะแนะนำให้ฉันลองทำน้ำหมักเพื่อบริโภค  เธอบอกว่ามีประโยชน์สารพัด  เป็นยาอายุวัฒนะด้วย  พี่สาวเธอที่เมืองไทยทำน้ำหมักเยอะมาก  ถึงกับทำจำหน่ายด้วย  เพราะมีคนเขากินแล้วทำให้สุขภาพแข็งแรงดี   เธอมักจะสาธยายเรื่องประโยชน์ของน้ำหมักให้ฉันฟัง  มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอมาเยี่ยมถึงบ้านพร้อมกับนำน้ำหมักสมุนไพรมาให้ทดลองผสมน้ำดื่ม  ฉันก็ได้ลองดื่ม  แต่ก็ไม่คิดว่าจะทดลองทำเอง    นับเป็นเวลา  3   ปีมาแล้วที่เพื่อนฉันได้เพียรพยายามที่จะให้ฉันทดลองทำน้ำหมัก

ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนคิดอยากจะลองทำดู   ว่าจะดีจริงอย่างที่เขาพูดกันไหม  จึงได้เข้าไปศึกษาเกี่ยวกับวิธีการทำน้ำหมักชีวภาพในหลาย ๆ  เว็บที่นำมาเผยแพร่  โดยเฉพาะน้ำหมักของป้าเช็งมีการโชว์วิธีการทำอย่างละเอียด  ก็ขอขอบคุณอย่างยิ่งมา ณ  โอกาสนี้ด้วยค่ะ....ฉันได้ศึกษาจนเข้าใจดีแล้ว  จึงคิดว่าน่าจะพิสูจน์ให้รู้ด้วยตนเองซะที  ไม่รีรอให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์  รีบไปซื้ออุปกรณ์สำหรับใช้ในการหมัก  ซื้อผลไม้ต่าง ๆ  ที่มีในช่วงนั้น    ซึ่งเป็นช่วงเริ่มเข้าฤดูร้อน  จึงมีผลไม้หลายชนิดให้เลือกซื้อได้ตามชอบใจ  ตั้งใจว่าจะทดลองทำเพียงเล็กน้อยก่อน  พอทำไปทำมารู้สึกสนุกกับการทำน้ำหมัก  เลยทำเยอะมากเลย  ราว ๆ  120  ลิตร  เริ่มลงมือทำน้ำหมักเมื่อปี 2013  เดือนพฤษภาคม  พอน้ำหมักมีอายุได้  3  ก็นำมาลองดื่ม  ลองใช้ผสมน้ำทำความสะอาดพื้นบ้าน  ห้องน้ำ  ขัดกระจกประตูหน้าต่าง ผสมน้ำล้างถ้วยชามแก้วน้ำต่าง ๆ   ผสมน้ำซักผ้าและรีดผ้า  ขัดวัสดุของใช้ที่ทำด้วยทองเหลืองและ  Chrom   ใช้ผสมน้ำล้างผักก่อนนำไปประกอบอาหารหรือทำสลัด  ผสมน้ำเป็นปุ๋ยต้นไม้ต่าง ๆ  ใส่น้ำหมักเพียงเล็กน้อยลงในสระน้ำทำให้น้ำใสสะอาดไม่มีกลิ่นใบไม้เน่าที่ตกตะกอน   ฤดูร้อนปีที่ผ่านมานี้ไม่มียุงและแมลงวันมารบกวนเหมือนเมื่อก่อน  เพราะน้ำหมักทำให้น้ำใสสะอาดตลอดเวลา  และยังเป็นอาหารให้แก่สัตว์ในน้ำด้วย

การทำน้ำหมักบริโภคไม่ยากเลย  แต่ต้องมีความสนใจเอาใจใส่สม่ำเสมอในระยะแรก  ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญมาก  เพราะว่าถ้าไม่สะอาดเพียงพอ  น้ำหมักอาจจะเป็นอันตรายสำหรับการบริโภคได้  ดังนั้นจึงต้องให้เวลากับน้ำหมัก  ถ้าทำปริมาณมากก็ต้องมีเวลาในกับการดูแลมากด้วยเช่นกัน  เพราะว่าในช่วงเริ่มต้นตอนที่กำลังจะเป็นแอลกอฮอร์  จะมีพวกแมลงมารบกวน  หรือเกิดเชื้อราเกาะผิวส่วนบนของผลไม้ที่ลอยอยู่ข้างบน  ต้องใช้ภาชนะที่สะอาดคนเป็นระยะ  เวลาปิดฝาถ้าจะให้ปลอดภัยจากแมลง  ควรใช้ปลาสติกบางปิดที่ปากภาชนะก่อนแล้วดจึงปิดฝาให้สนิท

ถ้าจะให้สนุกกับการทำน้ำหมัก  ก็ควรจะมีผู้ช่วยในการทำด้วย  เช่น  สมาชิกในครอบครัวช่วยกันล้างหั่นผลไม้หรือผัก  ช่วยกันหมัก  ช่วยกันชิม  ช่วยกันดูแล  วัน ๆ  ผ่านไปอย่างมีค่ามากขึ้นค่ะ  เมื่อได้ลงมือทำน้ำหมัก  เพราะยิ่งนานวันน้ำหมักก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น


น้ำหมักตระกูล Berry

น้ำหมักจากผล Nectarine+Pear
น้ำหมักจากชารวมเป็นวุ้น
น้ำหมักจากชารวม อายุการหมัก ๓ เดือน
                                    น้ำหมักองุ่นสีเขียว           น้ำหมักแครอท                                     
น้ำหมัก Kaktusfeige อายุการหมัก ๑ เดือน
น้ำหมักหัวเชื้อจากผล  Pear              
วุ้นจากน้ำหมัก Apricot
วุ้นจากน้ำหมัก Kaki

............................................









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น